Anda Seat เปิดตัวเก้าอี้ตาข่ายสำหรับสำนักงานและเกมมิ่งรุ่น X-Air Series: เย็นสบายยิ่งขึ้น นั่งสบายยิ่งกว่าเดิม

Anda Seat เปิดตัวเก้าอี้ตาข่ายสำหรับสำนักงานและเกมมิ่งรุ่น X-Air Series: เย็นสบายยิ่งขึ้น นั่งสบายยิ่งกว่าเดิม

Anda Seat เปิดตัวเก้าอี้ตาข่ายรุ่น X-Air Series อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 19 กันยายน ภายใต้แนวคิด “Breeze Through It”

เก้าอี้รุ่นนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์เกมเมอร์ ครีเอเตอร์ และพนักงานออฟฟิศที่ต้องนั่งทำงานเป็นเวลานาน ด้วยดีไซน์ตามหลักสรีรศาสตร์ที่ช่วยรองรับแผ่นหลังให้สบายตลอดการนั่ง พร้อมวัสดุตาข่ายที่ระบายอากาศได้ดี ช่วยให้การนั่งทำงานต่อเนื่องเป็นเรื่องสบายกว่าที่เคย

X-Air Series เก้าอี้ตาข่ายพนักพิงสูง ลงตัวทั้งการทำงานและการพักผ่อน

เก้าอี้ตาข่ายรุ่น X-Air Series มีให้เลือก 2 รุ่น ได้แก่ X-Air Mega และ X-Air Pro ซึ่งทั้ง 2 รุ่นออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานได้อย่างลงตัวสำหรับผู้ใช้เกือบทุกกลุ่ม รองรับความสูงได้ถึง 190 เซนติเมตร และน้ำหนักสูงสุดประมาณ 120 กิโลกรัม

หากคุณกำลังสงสัยว่าควรเลือกเก้าอี้ตาข่ายรุ่นใดระหว่าง X-Air Mega และ X-Air Pro คู่มือฉบับนี้จะช่วยแนะนำจุดแตกต่างและฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่ทำให้เก้าอี้ทั้ง 2 รุ่นนี้โดดเด่นเหนือชุดโต๊ะทำงานหรือเกมมิ่งทั่วไปอย่างแท้จริง

1. การออกแบบของ X-Air Series

หนึ่งในคุณสมบัติเด่นของ X-Air Series คือพนักพิงที่ทำจากผ้าตาข่าย โดยใช้ผ้าตาข่ายน้ำหนักเบาและระบายอากาศได้ดีเยี่ยม ซึ่งครอบคลุมทั้งเบาะนั่ง พนักพิง และพนักพิงศีรษะ ช่วยให้อากาศถ่ายเทได้ตลอดเวลา ลดความร้อนและความอับชื้น แม้ต้องนั่งทำงานหรือเล่นเกมเป็นเวลานาน

นอกจากนี้ ผ้าตาข่ายยังถักทอร่วมกับผ้าฟลีซคุณภาพสูง ให้สัมผัสที่นุ่มละมุนและเรียบเนียน แรงตึงที่เหมาะสมของผ้าตาข่ายยังช่วยลดแรงกดบริเวณแผ่นหลังและสะโพก มอบประสบการณ์การนั่งที่นุ่มสบาย ปราศจากแรงกดทับอย่างแท้จริง

นอกจากนี้ X-Air Series ยังมาพร้อมกับตัวเลือกสีของวัสดุหุ้มเบาะที่หลากหลายและมีชีวิตชีวา ซึ่งแตกต่างจากเก้าอี้ทั่วไปที่มีสีให้เลือกจำกัด เก้าอี้รุ่น X-Air Pro จาก Anda Seat มีให้เลือกหลายเฉดสี เพื่อตอบโจทย์ความชอบที่หลากหลายของผู้ใช้งานทุกคนอย่างแท้จริง

2. โครงสร้างตามหลักสรีรศาสตร์ของ X-Air Series

อีกหนึ่งจุดเด่นของ X-Air Series คือการออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ ที่มาพร้อมพนักพิงหลังทรงเพรียวบาง และระบบพยุงหลังส่วนล่างแบบไดนามิกทรง C ที่ออกแบบมาให้รองรับการเคลื่อนไหวได้อย่างเป็นธรรมชาติ กลไกเอนหลังแบบ Free-Floating ช่วยให้สามารถเอนได้ในช่วง 105° ถึง 126° รองรับการเคลื่อนไหวของร่างกายส่วนบนได้อย่างลื่นไหล พร้อมมอบการรองรับแผ่นหลังที่มั่นคง ไม่ว่าจะนั่งทำงานอย่างจริงจังหรือนั่งเอนเพื่อผ่อนคลายหลังเลิกงาน

นอกจากนี้ พนักพิงศีรษะขนาดกว้างยังสามารถปรับระดับและหมุนได้ เพื่อรองรับต้นคอในท่วงท่าต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม ช่วยลดอาการเมื่อยล้าบริเวณต้นคอได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขอบเบาะด้านหน้าและด้านหลังที่ลาดเอียง ยังช่วยลดแรงกดทับบริเวณต้นขา เพิ่มความสบายไม่ว่าจะนั่งลึกหรือนั่งเหยียดขาอย่างผ่อนคลาย

รุ่น X-Air Pro มาพร้อมกลไกเอนอัตโนมัติแบบปรับตามน้ำหนัก ส่วนสูง และท่าทางของผู้ใช้งานได้อย่างเหมาะสม พร้อมตัวล็อกเอนได้ 4 ระดับ เพื่อมอบการรองรับหลังที่เหมาะสมที่สุด
ในขณะที่ เก้าอี้ X-Air รุ่นตาข่าย ใช้กลไกเอนแบบ Butterfly พร้อมตัวล็อกเอนได้ 3 ระดับ และปุ่มปรับแรงต้านการเอน เพื่อปรับความยืดหยุ่นของพนักพิงให้ตรงตามความต้องการของคุณ
ทั้ง 2 รุ่นออกแบบมาเพื่อให้การรองรับสรีระอย่างมีประสิทธิภาพ และมอบความสบายที่สามารถปรับแต่งได้ตามต้องการ

3. ความสามารถในการปรับระดับได้อย่างลงตัวของ X-Air Series

เก้าอี้สำนักงานที่ดีควรมาพร้อมกับที่วางแขนที่สามารถปรับระดับได้อย่างเต็มที่ โดยรุ่น X-Air มาพร้อมกับที่วางแขนแบบ 4D และรุ่น X-Air Pro มาพร้อมกับที่วางแขนแบบ 5D ซึ่งสามารถปรับความสูงและตำแหน่งให้พอดีกับสรีระและพื้นที่ทำงานได้อย่างเป็นธรรมชาติ

ทั้ง 2 รุ่นยังมีระบบปรับความสูงของพนักพิงหลังได้ถึง 7 ระดับ เพื่อให้คุณสามารถตั้งค่าความสูงได้ตามความพึงพอใจ และมอบการรองรับที่พอดีกับสรีระเฉพาะบุคคลอย่างแท้จริง

นอกจากนี้ รุ่น X-Air Pro ยังรองรับการปรับความสูงของเบาะนั่งได้ 10 ซม. และสามารถขยายความลึกของเบาะได้เพิ่มอีก 6 ซม. เพื่อช่วยกระจายแรงกด ลดความเมื่อยล้าในระหว่างการนั่งเป็นเวลานาน ทั้งยังออกแบบให้แผงควบคุมทุกจุดสามารถเข้าถึงได้ง่ายบริเวณด้านข้างของเก้าอี้ เพิ่มความสะดวกในการปรับเปลี่ยนตามการใช้งาน

4. ความมั่นคงเหนือระดับของ X-Air Series

การเอนหลังทำได้อย่างมั่นใจด้วยฐานรองที่แข็งแรงและทนทาน ฐานล้อผลิตจากโลหะคุณภาพสูง ช่วยเพิ่มความเสถียรในการใช้งาน รองรับน้ำหนักได้สูงสุดถึง 120 กิโลกรัม จึงเหมาะสำหรับผู้ใช้งานแทบทุกกลุ่ม

5. X-Air Series Pricing and Availability

เก้าอี้สำนักงานตาข่ายรุ่น X-Air Series วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2567 โดยรุ่น X-Air Mega เริ่มต้นที่ราคา ประมาณ 10,900 บาท และรุ่น X-Air Pro เริ่มต้นที่ ประมาณ 15,900 บาท โดยวางจำหน่ายบนร้านค้าออนไลน์ของ Anda Seat Thailand

คำถามที่พบบ่อย

1. ขีดจำกัดส่วนสูงและน้ำหนักของเก้าอี้ Anda Seat X-Air Series คือเท่าใด?

ทั้งรุ่น X-Air Mega และ X-Air Pro เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่มีส่วนสูงระหว่าง 150–190 เซนติเมตร และรองรับน้ำหนักสูงสุด 120 กิโลกรัม โดยรองรับการใช้งานได้อย่างมั่นคงและสบายตลอดวัน

2. สามารถปรับพนักพิงเอวและพนักพิงศีรษะได้หรือไม่?

พนักพิงเอวในทั้ง 2 รุ่นถูกออกแบบให้รวมเข้ากับพนักพิงหลัง ซึ่งจะขยับตามเมื่อมีการปรับระดับความสูงของพนักพิงหลัง นอกจากนี้ ด้วยดีไซน์รูปทรงตัว C และวัสดุผ้าตาข่ายที่ยืดหยุ่น ยังสามารถรองรับการเคลื่อนไหวของร่างกายได้อย่างเป็นธรรมชาติ เพื่อความสบายและการรองรับที่เหมาะสมตลอดการใช้งาน

3. การประกอบเก้าอี้ยากไหม?

การประกอบเก้าอี้ทำได้ง่ายมาก เพราะภายในกล่องมีคู่มือการใช้งานและเครื่องมือที่จำเป็นให้ครบถ้วน คุณสามารถประกอบเสร็จได้ภายในประมาณ 15 นาทีเท่านั้น

4. ควรทำความสะอาดผ้าตาข่ายอย่างไร?

คุณสามารถทำความสะอาดผ้าตาข่ายของเก้าอี้ได้เป็นระยะ ๆ ด้วยผ้าชุบน้ำหมาด ๆ และน้ำสบู่อ่อน ๆ เพื่อขจัดคราบสกปรกและฝุ่นละอองจากพื้นผิว ช่วยให้เก้าอี้ดูสะอาดใหม่อยู่เสมอ

5. ระยะเวลาการรับประกันนานเท่าใด?

Anda Seat ให้การรับประกันแบบสูงสุด 5 ปีสำหรับเก้าอี้รุ่น X-air series 

สรุป

Anda Seat X-Air Series ผสานดีไซน์ที่มีสไตล์เข้ากับฟังก์ชันการใช้งานได้อย่างลงตัว เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานทั้งในบ้านและที่ทำงาน ไม่ว่าคุณจะกำลังปรับปรุงพื้นที่ทำงาน หรือมองหาเก้าอี้ที่สามารถปรับแต่งได้หลากหลายเพื่อลดความเมื่อยล้าจากการนั่งนานหลายชั่วโมง Anda Seat X-Air Series คือตัวเลือกที่ตอบโจทย์ครบทุกด้าน